ทูตไทยประจำอินเดียยัน “14 สาวไทยถูกช่วยจากซ่องสปาไฮเดอราบัดจริง” พบรับแขกไม่ต่ำกว่า 6 คนต่อคืน มีหญิงไทยเป็นตัวกลางจัดหา
ตำรวจอินเดียเปิดปฎิบัติการพิเศษหลังได้รับเบาะแส บุกเข้าทะลายสปาและร้านนวด 12 แห่งในเมืองไฮเดอราบัดวันอาทิตย์(20 ส.ค) ช่วยเหยื่อค้ามนุษย์ 65 คน ชุตินทร คงศักดิ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำอินเดียแถลง มีหญิงไทย 14 คนรวมอยู่ในนั้น พบเหยื่อต้องให้บริการแขกไม่ต่ำว่า 6 คนต่อวัน แถมหัวหน้าแก๊งค้ามนุษย์อินเดียมีหญิงไทยชื่อ “เค้ก” เป็นนายหน้าช่วยจัดหา
สื่อไทม์สออฟอินเดียรายงานเมื่อวันจันทร์(21 ส.ค)ว่า ตำรวจอินเดียประสบความสำเร็จทะลายขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ พร้อมจับกุมหัวหน้าแก๊งค้ามนุษย์ และสมาชิกแก๊งค้ามนุษย์อีก 20 คน
ทั้งนี้พบว่า ปฎิบัติการพิเศษเกิดขึ้นในอาทิตย์(20 ส.ค) ตำรวจอินเดียออกปฎิบัติการเข้ากวาดล้าง หลังจากได้รับทราบเบาะแสที่ได้รับมาจากหญิงนิรนามคนหนึ่งใกล้ชิดกับหัวหน้ากลุ่มค้ามนุษย์ชาวอินเดีย ดาซารี ซิดธารถะ(Dasari Siddhartha)วัย 32 ปี บุตรชายเจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดีย สำเร็จการศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ของวิทยาลัยที่มีชื่อในเมืองไฮเดอราบัด และรวมไปถึงสมาชิกกลุ่มค้ามนุษย์อีก 20 คน
โดยทางสื่อ telanganatoday ระบุว่าในบรรดาผู้ที่ถูกจับกุมยังรวมไปถึง ซาร์ฟาราซ อาลี(Sarfaraz Ali) วิเนย์( Vinay) และอาเจย์( Ajay)
ทั้งนี้สำหรับผู้ให้เบาะแส ในรายงานของสื่อ deccanchronicle ชี้ว่า หญิงนิรนามรายนี้ที่ไม่เปิดเผยชื่อ เป็นเพราะถูกหัวหน้าแก๊งค้ามนุษย์หลอกให้ผิดหวังในความรัก จึงออกมาเปิดเผยถึงเบาะแสธุรกิจผิดกฎหมายให้ทางตำรวจรับทราบ และนำมาสู่การจับกุมครั้งใหญ่ในที่สุด
โดยพบว่าปฎิบัติการเกิดขึ้นจากการสนธิกำลังของเจ้าหน้าที่จาก 3 สถานีในพื้นที่ความรับผิดชอบ เข้าบุกทะลายสปาและร้านนวดถึง 12 แห่ง ซึ่งในบางรายงานระบุว่า จากทั้งหมด 12 แห่ง มี 3 แห่งที่ซิดธารถะเป็นเจ้าของ ในขณะที่บางสื่อชี้ว่า นักค้ามนุษย์รายนี้เป็นเจ้าของเครือข่ายสปาและร้านนวดทั้งหมด
ทางตำรวจอินเดียสามารถช่วยเหยื่อได้สำเร็จจำนวน 65 คน ซึ่งทางเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงนิวเดลี ชุตินทร คงศักดิ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อบีบีซีภาคภาษาไทยวันอังคาร(22 ส.ค)ระบุว่า พบว่า ****จากทั้งหมดในส่วนของหญิงไทยนั้นมีแค่ 14 คนเท่านั้น แต่ในรายงานเบื้องต้นที่ออกมาผ่านหน้าสื่ออินเดีย ซึ่งชี้ว่า มีทั้งหมด 34 คนอาจเป็นเพราะรูปร่างและหน้าตาของหญิงไทยเหล่านั้นละม้ายคล้ายกับหญิงอินเดียที่มาจากรัฐตะวันออกเฉียงเหนือที่มีผิวคล้ำ****
โดยในรายงานของสื่ออินเดียในเบื้องต้นกล่าวว่า เหยื่อหญิงไทยที่ถูกช่วยมาได้มีอายุระหว่าง 20-26 ปี ถูกหลอกให้เดินทางเข้าอินเดียเพื่อทำงานเป็นพนักงานนวดรายได้งามในร้านสปาที่เมืองไฮเดอราบัด แต่ทว่าเมื่อมาถึงกลับพบว่า คนทั้งหมดถูกบังคับให้เข้าทำงานขายบริการทางเพศแทน และหนังสือเดินทางถูกพ่อเล้าค้ามนุษย์ยึดไว้
โดยมีรายงานว่า เหยื่อถูกบังคับให้รับแขกไม่ต่ำกว่า 6 คนต่อวัน
นอกจากนี้ยังพบว่า ทางตำรวจยังสามารถช่วยผู้หญิงที่ถูกหลอก มีบางส่วนเป็นคนในพื้นที่เมืองไฮเดอราบัด และรวมไปถึงรัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย โดยพบว่ามาจากเมืองไฮเดอราบัด 9 คน และมาจากรัฐปัญจาบอีก 1 คน
ซึ่งในการเข้าบุกทะลาย ทางเจ้าหน้าที่ยังสามารถยึดของกลางไว้ได้ ซึ่งรวมไปถึง คอมพิวเตอร์โนตบุ๊ก คอมพิวเตอร์พีซี กล้องถ่ายวิดีโอ เครื่องรูดบัตร 11 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 28 เครื่อง ใบเสร็จเงินสดอีก 27 เล่ม และเงินสดอีก 3.38 แลกห์ (lakh)
ซึ่งสถานที่ให้บริการสปาและร้านนวด 12 แห่งที่ถูกเข้าทะลายนั้น ทางอินเดียนเอ็กซเพรสชี้ว่า ทั้งหมดตั้งอยู่ในพื้นที่ย่านไอทีชั้นนำในเขตกาชิโบวลี(Gachibowli) และ มาธาปูร์(Madhapur)
และอินเดียนเอ็กซเพรสยังชี้ว่า ด้านผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจอินเดียประจำมาธาปูร์ วิชวา ปราสาด( Vishwa Prasad) แถลงถึงความสำเร็จครั้งนี้ว่า ตำรวจไซเบอราบัด(Cyberabad)สามารถเข้าทะลายแหล่งสปาและศูนย์นวดที่ตั้งอยู่ในย่านไอทีที่มีชื่อเสียง และแหล่งประชาชนอาศัยในเมืองไฮเดอราบัดสำเร็จ
โดยชี้ต่อว่า “ทางเราพบว่าสถานที่เหล่านี้ได้ล่อลวงเหยื่อสตรีในรูปการค้ามนุษย์ โดยการจัดหาเหยื่อมาจากประเทศไทย รวมไปถึงรัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย และมีบางส่วนเป็นคนในพื้นที่ โดยสถานที่เหล่านี้ใช้ธุรกิจสปาและศูนย์นวดเป็นบังหน้าในการจัดหาบริการทางเพศ”
อ้างอิงจาก deccanchronicle พบว่านักท่องเที่ยวซึ่งเข้าไปใช้บริการสปาเหล่านี้เพื่อความสุขทางเพศ ต้องจ่ายให้กลุ่มค้ามนุษย์ในอัตรา 4,000 รูปีต่อแพ็กเก็จบริการ และอีก 8,000 รูปีสำหรับบริการทางเพศ
โดยทางตำรวจอินเดียชี้ว่า พบว่าลูกค้าเหล่านี้จะจ่ายในรูปเงินสด บัตรเดบิต และบัตรเครดิต และมีบางส่วนจะโอนเงินทางออนไลน์ โดยเงินเหล่านั้นจะถูกส่งเข้าบัญชีธนาคารของหัวหน้าแก๊งค้ามนุษย์ ซิดธารถะ ใน 12 บัญชี
ไทม์สออฟอินเดียรายงานต่อว่า ตำรวจอินเดียชี้ตัวหัวหน้ากลุ่มค้ามนุษย์ข้ามชาติ วัย 32 ปี ดาซารี ซิดธารถะ ว่า เป็นผู้บริหารสปาผ่านบริษัท ไตรพัด เวอร์นัส แอนด์ ฮีลลิง เซอร์วิสเซส พีวีที ลิมิตเต็ด(Tripad Vernus & Healing Services Pvt Ltd) ซึ่งตั้งอยู่ในบานจารา ฮิลส์ (Banjara Hills) โดยทางอินเดียนเอ็กซเพรสระบุว่า ซิดธารถะแอบทำการล่อลวงเหยื่อหญิงไทยผ่านนายหน้าจัดหาที่มีฐานอยู่ในกรุงเทพฯ และนายหน้าจัดหาอีก 1 รายที่อยู่ในเมืองมุมไบ
ไทม์สออฟอินเดียระบุถึงชื่อนายหน้าคนไทยในขบวนการค้ากามข้ามชาติครั้งนี้ว่า มีหญิงไทยชื่อ “เค้ก” (Kake) เป็นตัวกลางจัดหาคนให้กับซิดธารถะ โดยพบว่าเขารู้จักกับตัวกลางหญิงไทยรายนี้ในเมืองมุมไบ ทั้งนี้ในรายงานการจับกุมเบื้องต้น ไม่ชัดว่ามี เค้กเป็น 1 ในคนทั้ง 20 ที่ถูกตำรวจอินเดียจับกุมหรือไม่ แต่สื่อ newsable.asianetnews.tv ระบุว่า การจับกุมตัวซิดธารถะทำให้ตำรวจอินเดียสามารถสาวตัวไปถึงเค้ก ซึ่งในรายงานของ newsable.asianetnews.tv ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า หญิงไทยรายนี้เป็นเอเยนต์ให้กับซิดธารถะนอกเมืองมุมไบ
ทั้งนี้พบว่าเค็กทำหน้าที่เป็นนายหน้าจัดหาผู้หญิงไทยส่งกลับไปยังเมืองไฮเดอราบัดผ่านวีซ่าธุรกิจและวีซ่าท่องเที่ยวเข้าอินเดีย
ซึ่งท่านทูตไทยประจำกรุงนิวเดลีกล่าวให้ความเห็นกับบีบีซีสื่ออังกฤษภาคภาษาไทยถึงการเดินทางเข้าอินเดียของหญิงไทยและถูกจับกุมในฐานะผู้ให้บริการทางเพศในสถานสปาว่า มีทั้งที่เต็มใจเดินทางเข้าอินเดียเพื่อทำงานค้าบริการ และมีบางส่วนที่ถูกหลอกให้เข้ามา
โดยเอกอัครราชทูตชุตินทร คงศักดิ์ กล่าวว่า พบว่าในปีนี้มีผู้หญิงไทยถูกทางอินเดียช่วยเหลือออกมาได้มีจำนวนสูงเป็นประวัติการณ์
“มันเป็นแนวโน้มที่กระทรวงต่างประเทศ และในพื้นที่เริ่มเห็นมาสักพักแล้ว อยากให้ป้องกันจากต้นเหตุ ระยะหลังที่มี[การเข้าจับกุม]เยอะเพราะอินเดียเขาเริ่มเอาจริง สิ่งที่คนที่นั่งในสถานทูตเห็น คนรักษากฎหมายเขาก็เห็น เขารู้ว่าแหล่งอยู่ที่ไหน เขามีการตรวจจับบ่อยขึ้น ค้นพบจากการสุ่มตรวจ เป็นแนวโน้มที่ต้องระวัง เพราะเรามีโจทย์เรื่องการค้ามนุษย์อยู่แล้ว นี่เป็นอีกมิติของการค้ามนุษย์ เราพยายามให้เขามองว่าประเทศไทยเนี่ย ระมัดระวังและเอาใจใส่มากพอ”
ปัญหาการเดินทางของหญิงไทยไปเสี่ยงโชคในอินเดียกลายเป็นปัญหาที่สำคัญ เพราะพบว่าในหน้าเว็บไซต์ทางการของเว็บกรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ประจำกระทรวงต่างประเทศ ได้ประกาศเตือนสำหรับผู้ที่ต้องการไปเข้าไปทำงานในร้านสปาของประเทศอินเดีย
ซึ่งในคำแนะนำยังระบุย้ำว่า ทางสถานทูตอาจเกิดปัญหาให้ความช่วยเหลือหญิงไทย โดยเฉพาะในเรื่องการดำเนินคดี และการเดินทางออกจากอินเดีย เนื่องมาจากบางครั้งใช้เวลานาน เพราะอาจติดขัดในเรื่องเอกสารรับรอง หรือในกรณีที่ต้องขออนุญาตศาลอินเดียเพื่อขอเดินทางออกนอกประเทศ


 ในคำแนะนำ ทางกรมเอเชียใต้ยังชี้ว่า ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการนั้นสูงอีกด้วย
“พึงระลึกไว้เสมอว่า แม้เจ้าหน้าที่ไทยจะพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถช่วยท่านได้หากพิสูจน์พบว่าท่านทำผิดกฎหมายจริง และแม้ภาคราชการจะสามารถให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับท่านตามความเหมาะสม แต่ทานจะต้องยินยอมรับสภาพหนี้สินและชดใช้คืนในภายหลัง” อ้างอิงจากเว็บไซต์เว็บกรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา
สื่ออังกฤษรายงานว่า ท่านทูตไทยประจำกรุงนิวเดลีให้ข้อมูลถึงความช่วยเหลือของเหยื่อหญิงไทยในคดีค้าประเวณีว่า ในปัจจุบันนี้มีผู้เสียหายหญิงไทยที่ทางสถานทูตให้ความดูแลในคดีทั้งหมด 45 ราย โดยจากทั้งหมดสถานทูตไทยประจำกรุงนิวเดลีรับผิดชอบ 21 ราย สถานกงสุลไทยเมืองมุมไบจำนวน 10 ราย และของสถานกงสุลไทยเมืองเจนไนอีก 14 ราย
ทั้งนี้การจับกุมในเมืองไฮเดอราบัด สื่ออินเดียรายงานว่า พบว่าเหยื่อหญิงไทยทั้งหมดเข้ามาเมืองไฮเดอราบัดมาตั้งแต่ 3-6 เดือนก่อนหน้า โดยคนทั้งหมดได้รับค่าตอบแทนเป็นรายเดือน ซึ่งจากการรายงานของ deccanchronicle อ้างว่า มีบางส่วนของเหยื่อมีรายได้ต่อเดือนสูงถึง 40,000 รูปี โดยที่เธอเหล่านี้ บางส่วนอาศัยภายในร้านสปา แต่มีอีกบางส่วนอาศัยอยู่ในอพาทเมนต์ในเขตบานจารา ฮิลส์ ที่ทางพ่อเล้าอินเดียเป็นผู้เช่าไว้
โดยทางตำรวจอินเดียชี้ว่า จะทำการติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการขับเหยื่อหญิงไทยทั้งหมดออกนอกประเทศต่อไปจากความผิดในข้อหาละเมิดข้อตกลงวีซ่าเข้าเมือง และทางตำรวจอินเดียยังอยู่ระหว่างการไล่ล่าผู้ต้องสงสัยเป็นหญิง 1 รายและผู้สมรู้ร่วมคิดอีก 2 ราย
ซึ่งในตอนท้ายท่านทูตไทยประจำกรุงนิวเดลีกล่าวเตือน และให้ข้อคิดว่า “ไม่อยากให้คนไทยถูกหลอก แต่สำหรับคนที่ตั้งใจไปเพื่อขายบริการทางเพศเอง หลังจากทางสถานทูตช่วยให้ได้กลับไทย คนเหล่านี้ก็บอกว่าจะไปที่ประเทศอื่นอีก …ทำให้ภาพลักษณ์ประเทศเสีย”